เรื่องเล่าจากแดน.....ที่มีมากกว่าพิซซ่าและหอเอน**5
แล้วก็ถึงเวลากลับบ้าน........... 7 กรกฎาคม 2550 พวกเรา 20 คน ที่จากเมืองไทยไปเมื่อ 10 เดือนที่แล้วก็กลับถึงบ้าน แต่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของดิฉันมาไม่ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะเกิดความผิดพลาดขณะพวกเราเปลี่ยนเครื่องบินที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย แล้วอีก 2 วันต่อมา กระเป๋าถึงจะกลับมาถึงบ้าน.....
1 ปี ( ที่จริง แค่ 10 เดือน ) บางคนอาจจะบอกว่านาน บางคนอาจจะบอกว่าสั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เวลานั้นอย่างไร ถ้าเราทำทุกวันให้เป็นวันที่พร้อมจะเรียนรู้และทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะรู้ได้ว่าแต่ละวันนั้นผ่านไปเร็วมาก และเมื่อถึงเมื่อวันนั้นผ่านไปแล้ว อย่างเช่น วันที่กำลังนั่งพิมพ์เรื่องนี้และทำให้ได้นึกถึงว่าเมื่อ วันที่ 12 กันยายน ปีที่แล้ว เป็นวันแรกที่ต้องไปโรงเรียนและเรียนอะไรไม่รู้เรื่องเลย เพื่อนก็ไม่มีสักคน แต่พอนึกถึงเดือนมีนาคมที่ Florenze ที่เคยหัวเราะเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็ยิ่งทำให้คิดว่าเวลาเดินเร็วไปรึป่าวนะ.......ประสบการณ์ 10 เดือนที่อิตาลีถ้าจะให้เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง หน้ากระดาษ 111 หน้าจะพอรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้มากับตัวเองแล้วว่าสิ่งที่พ่อเคยพูดให้ฟังตั้งแต่ยังไม่เห็นว่ามันสำคัญนั้น ตอนนี้รู้แล้วว่าสำคัญขนาดไหน และเป็นความจริงที่พูดง่ายๆ แต่ยากที่จะเข้าใจและทำได้จริงๆ แต่เราก็ต้องทำมันให้ได้ เพราะ “เรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน อยู่ที่ว่าใครจะปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆมากกว่ากัน....แล้วใครจะคว้าความฝันของเรามาให้เราถ้าเรายังไม่เริ่มไล่ตามมันด้วยตัวเอง”
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังไล่ตามความฝันนะ
1 ปี ( ที่จริง แค่ 10 เดือน ) บางคนอาจจะบอกว่านาน บางคนอาจจะบอกว่าสั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เวลานั้นอย่างไร ถ้าเราทำทุกวันให้เป็นวันที่พร้อมจะเรียนรู้และทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะรู้ได้ว่าแต่ละวันนั้นผ่านไปเร็วมาก และเมื่อถึงเมื่อวันนั้นผ่านไปแล้ว อย่างเช่น วันที่กำลังนั่งพิมพ์เรื่องนี้และทำให้ได้นึกถึงว่าเมื่อ วันที่ 12 กันยายน ปีที่แล้ว เป็นวันแรกที่ต้องไปโรงเรียนและเรียนอะไรไม่รู้เรื่องเลย เพื่อนก็ไม่มีสักคน แต่พอนึกถึงเดือนมีนาคมที่ Florenze ที่เคยหัวเราะเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็ยิ่งทำให้คิดว่าเวลาเดินเร็วไปรึป่าวนะ.......ประสบการณ์ 10 เดือนที่อิตาลีถ้าจะให้เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง หน้ากระดาษ 111 หน้าจะพอรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้มากับตัวเองแล้วว่าสิ่งที่พ่อเคยพูดให้ฟังตั้งแต่ยังไม่เห็นว่ามันสำคัญนั้น ตอนนี้รู้แล้วว่าสำคัญขนาดไหน และเป็นความจริงที่พูดง่ายๆ แต่ยากที่จะเข้าใจและทำได้จริงๆ แต่เราก็ต้องทำมันให้ได้ เพราะ “เรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน อยู่ที่ว่าใครจะปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆมากกว่ากัน....แล้วใครจะคว้าความฝันของเรามาให้เราถ้าเรายังไม่เริ่มไล่ตามมันด้วยตัวเอง”
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังไล่ตามความฝันนะ
0 Comments:
Post a Comment
<< Home